ข้อดีของการเลี้ยงสุนัข
จากประสบการณ์ที่ผู้เลี้ยงได้เลี้ยงน้องไข่ตุ๋นมาหลายปี
ความน่ารัก ช่างประจบ ว่านอนสอนง่าย ไม่ดื้อ ทำให้ผู้เลี้ยงรักและสงสารน้องไข่ตุ๋นมาก เวลาจะไปไหนก็เป็นห่วง เขาก็มาเป็นภาระจริง ๆ แต่ภายใต้ภาระนี้ก็ทำให้ลูก
ๆ และทุกคนในบ้านรวมถึงผู้เลี้ยงเองด้วย มีความสุข มีความผ่อนคลายโดยไม่รู้ตัว
บางครั้งที่เราอารมณ์เสีย หรือมีเรื่องอะไรเครียด ๆ มาจากข้างนอก
แต่พอกลับมาบ้านได้เจอน้องไข่ตุ๋น ได้พูดคุยกับเค้า เค้าเข้ามาคลอเคลีย
ช่วยให้เราได้ผ่อนคลายได้จริง ๆ
ช่วยให้หายจากอาการปวดหัว
ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ลูกของผู้เลี้ยงไปเรียนในที่ห่างไกลจากบ้าน ผู้เลี้ยงต้องคอยถ่ายวีดีโอของน้องไข่ตุ๋น และส่งไปให้เค้าดูตลอด
ลูกต้องเรียนหนักมาก บางครั้งที่เค้าเครียดจากการเรียนและมีอาการปวดหัว เค้าได้นำวีดีโอของน้องไข่ตุ๋นไปดู ทำให้เค้าหายจากอาการปวดหัวไปได้
ช่วยบอกให้เรารู้ว่ามีคนมาบ้าน
ทุกครั้งที่มีคนมาหน้าบ้าน
ยังไม่ต้องกดกริ่ง เค้าก็สามารถรู้ได้
จะเห่าเสียงดังและวิ่งมาหาเรา ยกมือไหว้ด้วย เห่าบอกด้วย จนเราต้องรีบเดินไปเปิดประตู
จึงจะหยุดเห่า
น้องหมาสามารถสื่อสารและรับรู้อารมณ์ของเราได้
ผู้เขียนเคยขับรถและมีการหลงทางไปที่แห่งหนึ่ง
ก็รู้สึกกลัวเพราะเป็นทางตันที่ไม่มีทางออก และเป็นเวลาค่ำคืนด้วย จึงรู้สึกกลัว
ๆ น้องไข่ตุ๋นที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
มีอาการณ์กระสับกระส่าย และร้อง ๆ เหมือนเค้ารู้ว่าเรากำลังกลัว เค้าสามารถรับรู้อารมณ์เราได้จริง
ๆ
ช่วยให้เราได้ออกกำลังกาย
สิ่งที่น้องหมาชอบมากที่สุดคือการได้ออกนอกบ้าน
การที่เราได้พาน้องหมาไปนอกบ้าน ไปเดินเล่น ทำให้เค้าได้ไปเปิดหูเปิดตา
มีความสุขกับการที่ได้ไปกับเจ้าของ และสิ่งที่ได้มาก็คือเราเองก็ได้ได้ออกกำลังกายไปด้วย
ขอสรุปได้เลยว่า การเลี้ยงน้องหมา
ช่วยให้เรามีความสุขได้จริง ๆ
พาน้องหมาไปอเมริกา
ส่วนเสื้อที่ซื้อมาเป็นเหมือนผ้าขนหนู พอมาใส่ดูแล้วก็บางเกินไป คงไม่อุ่นพอกับระยะเวลาที่ต้องอยู่บนเครื่องนาน ผู้เขียนไม่รู้จะทำยังไงดี หาซื้อเสื้อหนา ๆ ก็ไม่มี ก็อีกนั่นแหละค่ะ ผู้เขียนได้เรียนตัดเสื้อผ้าคนมาแล้ว จึงตัดสินใจตัดเสื้อผ้าให้น้องหมาเอง โดยมีผ้าชิ้นนอกและใส่แผ่นใยตรงกลางและมีซับในอีกชั้น มีฮู๊ดสวมหัวอีกด้วย และตบแต่งให้สวยงามตามใจฉัน แถมปักชื่อน้อง Kaitoon อีกด้วย
........จะมาเล่าต่อนะคะ.......
ผู้เขียน สนิท สุธารส
ผู้เขียนเคยมีประสบการณ์จากการนำน้องหมาไปอยู่อเมริกา เมื่อปลายปี 2559 และนำกลับเข้ามาในประเทศไทยในต้นปี 2560 จากประสบการณ์ที่ได้มาอาจจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านได้บ้างนะคะ
น้องหมาชื่อ "ไข่ตุ๋น" ค่ะ ก่อนออกเดินทางก็ต้องหาข้อมูลกันพอสมควร กว่าที่จะสำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี ก่อนการเดินทางก็ต้องเตรียมตัวหลายอย่างในการหาข้อมูลและกฎต่าง ๆ อยู่หลายเรื่อง เช่น
กฎของการนำน้องหมาออกจากประเทศไทย
กฎของการนำน้องหมาเข้าไปในประเทศอเมริกา
กฎของสายการบินที่ยอมให้นำน้องหมาขึ้นเครื่องได้
การฉีดวัคซีนต่าง ๆ ให้น้องหมา รวมทั้งขนาดกรงหรือกระเป๋าใส่น้องหมา และ
การฝังไมโครชิพ
ผู้เขียนได้ติดต่อหาข้อมูลต่าง ๆ ประมาณเดือนกว่า ๆ ก่อนการเดินทางจากด่านกักกันสัตว์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Suvarnabhumi Airport Animal Quarantine) ซึ่งมีสำนักงานตั้่งอยู่ที่
อาคารตรวจสินค้าขาออก เขตปลอดอากร ชั้น 1
โทรศัพท์ 02-1340731
เวลาทำการ จันทร์-ศุกร์ 0830-1200 และ 1300-1630 น.
เมื่อได้รายละเอียดต่าง ๆ จากด่านกักกันสัตว์มาแล้ว จึงได้รีบดำเนินการหาข้อมูลว่ามีสายการบินอะไรบ้างที่อนุญาติให้นำน้องหมาขึ้นเครื่องได้ เท่าที่ทราบก็เห็นมีของสายการบินไทย สายการบินเกาหลี และมีอีกบางสายการบินที่อนุญาติ ทางสายการบินไทยมีกฎว่าน้องหมาจำเป็นต้องฝังไมโครขิพ แต่สายการบินเกาหลีมีกฎว่าจะฝังไมโครชิพหรือไม่ฝังก็ได้
ผู้เขียนค่อนข้างสับสนพอสมควรในเรื่องของการฝังไมโครชิพหรือไม่ บางข้อมูลบอกว่าต้องฝัง แต่บางข้อมูลบอกว่าไม่ต้องก็ได้ ผู้เขียนจึงขอข้อมูลจากทางสายการบินเกาหลีอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าถ้าไม่ต้องฝังไมโครชิพแล้ว น้องหมาสามารถเข้าประเทศอเมริกาได้ จึงได้คำตอบที่แน่นอนมาว่าไม่ต้องฝังไมโครชิดก็สามารถนำน้องหมาเข้าอเมริกาได้
ด้วยความที่ไม่อยากให้น้องหมาต้องฝังไมโครชิพ ผู้เขียนจึงตัดสินใจเดินทางกับสายการบินเกาหลี และรีบจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าก่อนการเดินทางเป็นเวลา 1 เดือน เนื่องจากทางสายการบินเกาหลีจะอนุญาติให้นำสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องไปกับผู้โดยสารได้ไม่เกิน 4 ตัวต่อเที่ยวบิน (จำนวนสัตว์เลี้ยงที่จะนำขึ้นเครื่องของแต่ละสายการบินจะไม่เท่ากัน ต้องตรวจสอบการสายการบินนั้น ๆ อีกครั้งค่ะ) ทางสายการบินจำเป็นต้องขออนุญาติไปกับทางสำนักงานใหญ่ในต่างประเทศของเค้าก่อนว่าจะอนุญาติหรือไม่ เมื่อได้อนุญาติแล้ว สายการบินจะติดต่อกลับมาให้ทราบในภายหลัง
ผู้เขียนค่อนข้างสับสนพอสมควรในเรื่องของการฝังไมโครชิพหรือไม่ บางข้อมูลบอกว่าต้องฝัง แต่บางข้อมูลบอกว่าไม่ต้องก็ได้ ผู้เขียนจึงขอข้อมูลจากทางสายการบินเกาหลีอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าถ้าไม่ต้องฝังไมโครชิพแล้ว น้องหมาสามารถเข้าประเทศอเมริกาได้ จึงได้คำตอบที่แน่นอนมาว่าไม่ต้องฝังไมโครชิดก็สามารถนำน้องหมาเข้าอเมริกาได้
ด้วยความที่ไม่อยากให้น้องหมาต้องฝังไมโครชิพ ผู้เขียนจึงตัดสินใจเดินทางกับสายการบินเกาหลี และรีบจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าก่อนการเดินทางเป็นเวลา 1 เดือน เนื่องจากทางสายการบินเกาหลีจะอนุญาติให้นำสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องไปกับผู้โดยสารได้ไม่เกิน 4 ตัวต่อเที่ยวบิน (จำนวนสัตว์เลี้ยงที่จะนำขึ้นเครื่องของแต่ละสายการบินจะไม่เท่ากัน ต้องตรวจสอบการสายการบินนั้น ๆ อีกครั้งค่ะ) ทางสายการบินจำเป็นต้องขออนุญาติไปกับทางสำนักงานใหญ่ในต่างประเทศของเค้าก่อนว่าจะอนุญาติหรือไม่ เมื่อได้อนุญาติแล้ว สายการบินจะติดต่อกลับมาให้ทราบในภายหลัง
ในระหว่างนั้นก็ต้องรีบมาดูเรื่องการฉีดวัคซีนต่าง ๆ ว่ามีอะไรบ้างที่ต้องทำ และที่สำคัญเรื่องกรงใส่น้องหมา ต้องมีขนาดที่ทางสายการบินอนุญาติ เพราะถ้ากรงใหญ่หรือสูงเกินที่เค้ากำหนด ก็จะนำขึ้นเครื่องไม่ได้ เนื่องจากเค้าให้เราวางกระเป๋าน้องหมาไว้ใต้ที่นั่งของคนที่นั่งหน้าเรา กระเป๋าจึงต้องสอดเข้าไปใต้ที่นั่งได้ หลังจากที่ได้ขนาดมาจากสายการบิน ผู้เขียนก็ได้รีบไปซื้อกระเป๋าและเสื้อผ้าสำหรับใช้เดินทางของน้องหมามาเตรียมไว้ให้เรียบร้อย
ระหว่างนั้นก็ฝึกให้น้องหมาได้คุ้นเคยกับกระเป๋าที่ซื้อมา แต่ยิ่งฝึกเท่าไร น้องหมาก็ไม่ยอมอยู่ในกระเป๋าใบนั้น กระโดดเข้าไปและก็รีบออกมา ยิ่งใกล้วันเดินทางเข้ามาทุกที น้องหมาก็ไม่ยอมเข้าไปอยู่ในกระเป๋าอยู่ดี ผู้เขียนเองก็ได้เรียนตัดเสื้อผ้า และ ทำงานฝีมือกระเป๋าแฮนด์เมดมา จึงตัดสินใจทำกระเป๋าน้องหมาขึ้นมาเอง พร้อมทั้งปักชื่อน้องหมาไว้ที่กระเป๋าด้วยเพื่อป้องกันการพลัดหลง โชคดีค่ะ ปรากฎว่าน้องหมาชอบ พอวางกระเป๋าเค้าก็รีบกระโดดเข้าไปนอนเพราะคิดว่าเราจะพาเค้าออกเที่ยวข้างนอก
ระหว่างนั้นก็ฝึกให้น้องหมาได้คุ้นเคยกับกระเป๋าที่ซื้อมา แต่ยิ่งฝึกเท่าไร น้องหมาก็ไม่ยอมอยู่ในกระเป๋าใบนั้น กระโดดเข้าไปและก็รีบออกมา ยิ่งใกล้วันเดินทางเข้ามาทุกที น้องหมาก็ไม่ยอมเข้าไปอยู่ในกระเป๋าอยู่ดี ผู้เขียนเองก็ได้เรียนตัดเสื้อผ้า และ ทำงานฝีมือกระเป๋าแฮนด์เมดมา จึงตัดสินใจทำกระเป๋าน้องหมาขึ้นมาเอง พร้อมทั้งปักชื่อน้องหมาไว้ที่กระเป๋าด้วยเพื่อป้องกันการพลัดหลง โชคดีค่ะ ปรากฎว่าน้องหมาชอบ พอวางกระเป๋าเค้าก็รีบกระโดดเข้าไปนอนเพราะคิดว่าเราจะพาเค้าออกเที่ยวข้างนอก
........จะมาเล่าต่อนะคะ.......
ผู้เขียน สนิท สุธารส
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น